ดาวน์โหลด




บทที่ ๑
บทนำ

๑. หลักการและเหตุผล
        ในปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง การศึกษาแนวทางการประกอบอาชีพจึงมีความจำเป็นที่ผู้เรียนต้องมีความรัก ความสนใจในอาชีพที่ตนเองชอบ และมีการปรับปรุงงานอยู่เสมอ และผู้ที่ศึกษาเกี่ยวกับข้าวเกรีบกุ้งสามารถนำไปเผยแพร่สูตรวิธีการทำในชุมชนและสามารถนำไปเป็นอาชีพเสริมและอาชีพหลักในชุมชนให้มีรายได้มากขึ้น
        ข้าวเกรียบกุ้ง เป็นอาหารว่างชนิดหนึ่งที่ทำจากแป้งเป็นส่วนประกอบหลัก และข้าวเกรียบอาจมีส่วนประกอบของผัก หรือผลไม้  ข้าวเกรียบกุ้งเป็นอาหารว่างที่สามารถทำเองได้ และยังสามารถสร้างรายได้เสริมได้ ดังนั้นถ้าหากเรามีเวลาว่างเราก็สามารถทำข้าวเกรียบกุ้ง หรือข้าวเกรียบอื่นๆได้อีก
        จาการกล่าวมาข้างต้นผู้รายงานมีความคิดเห็นว่าข้าวเกรียบกุ้ง เป็นอาหารว่างที่สามารถทำเองได้ และยังสามารถสร้างรายได้เสริมได้ดังนั้นจึงเลือกประเด็นนี้มาเขียนเป็นองค์ความรู้ โดยใช้หัวข้อเรื่องข้าวเกรียบกุ้ง

. วัตถุประสงค์
        ๒.๑ เพื่อศึกษาวิธีการทำข้าวเกรียบกุ้ง
        ๒.๒ เพื่อศึกษาและมีประสบการณ์ในการประกอบอาชีพ
        ๒.๓ เพื่อศึกษาและสามารถนำมาทำรับประทานเองได้

. สมมุติฐาน
         ข้าวเกรียบกุ้งเป็นขนมว่างที่สามารถนำมาทำรับประทานเองได้ และสามารถนำมาสร้างรายได้เสริมอีกด้วย

. ขอบเขตการดำเนินงาน
        ๔.๑ รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับข้าวเกรียบกุ้ง
        ๔.๒ เวลาของการดำเนินงาน คือ ภาคเรียนที่๒ ปีการศึกษา ๒๕๕๖
        ๔.๓ แหล่งค้นคว้าข้อมูล คือ เว็บไซต์ต่างๆและสิ่ง

. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
.๑ ประโยชน์ต่อตนเอง
..๑ ทำให้เกิดการพัฒนาความคิด และรู้จักรับฟังความคิดเห็น
.๑.๒ มีความรู้และสามารถนำมาทำรับประทาน
๕.๒ ประโยชน์ต่อผู้จำหน่าย
        ๕.๒.๑ ทำให้ผลิตภัณฑ์ข้าวเกรียบกุ้งเป็นที่รู้จัก
        ๕.๒.๒ เป็นการส่งเสริมรายได้ของอำเภอควนกาหลง

. นิยามศัพท์เฉพาะ
            .๑ ข้าวเกรียบ หมายถึง อาหารว่างชนิดหนึ่งที่ทำจากแป้งเป็นส่วนประกอบหลัก อาจมีส่วนประกอบของเนื้อสัตว์ หรือผัก หรือผลไม้ เช่น ปลากุ้ง ฟักทอง เผือก งาดำ งาขาว บดผสมให้เข้ากับเครื่องปรุงรส แล้วทำให้เป็นรูปทรงตามต้องการ นึ่งให้สุก ตัดให้เป็นแผ่นบางๆ นำไปทำให้แห้งด้วยแสงแดดหรือวิธีอื่นที่เหมาะสมอาจทอดก่อนบรรจุหรือไม่ก็ได้
          ๖.๒ กุ้ง หมายถึง ชื่อสัตว์น้ำไม่มีกระดูกสันหลังในชั้น Crustacea อันดับ Decapoda มีหลายวงศ์ หายใจด้วยเหงือก ลำตัวยาว แบนหรือกลม แบ่งเป็นปล้องๆ เปลือกที่หุ้มท่อนหัวและ อกก้ามและขาอยู่ที่ส่วนหัวและอก มี 10 ขา มีทั้งในน้ำจืดและน้ำเค็ม




บทที่ ๒
เอกสารที่เกี่ยวข้อง

            ในการจัดทำรายงานเรื่อง ข้าวเกรียบกุ้ง คณะผู้จัดทำได้มีการศึกษาค้นคว้าเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับข้าวเกรียบกุ้งที่มีเนื้อหาในด้านต่างๆและได้ข้อมูลจากการศึกษาค้นคว้า ดังนี้

. แป้ง
แป้งมันสำปะหลัง เป็นแป้งที่ได้จากมันสำปะหลัง ลักษณะของแป้งมีสีขาว เนื้อเนียน ลื่นเป็นมัน[1] เมื่อทำให้สุกด้วยการกวนกับน้ำไฟอ่อนปานกลาง แป้งจะละลายง่าย สุกง่าย แป้งเหนียวติดภาชนะ หนืดข้นขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีการรวมตัวเป็นก้อน เหนียวเป็นใย ติดกันหมด เนื้อแป้งใสเป็นเงา พอเย็นแล้วจะติดกันเป็นก้อนเหนียว ติดภาชนะ [2] ใช้ทำลอดช่องสิงคโปร์ ครองแครงแก้ว เป็นต้น
การผลิตแป้งมันสำปะหลัง
การโม่มัน หัวมันสำปะหลังที่ผ่านการล้างและปอกเปลือกที่สะอาดจะจะถูกลำเลียงโดยสานพานเข้าสู่เครื่องโม่ (Rasper) จะมีมีดโดยใบมีดขนาดใหญ่ในแนวตั้งฉากกับผิวหน้า โดยมีอัตราการหมุนประมาณ 1000 rpm และทำการติดตั้งใบมีดตั้งแต่ 100 ใบขึ้นไป ใบมีดแต่ละใบมีความยาว 30 เซนติเมตร ซึ่งในขั้นตอนนี้จะได้ของเหลวข้นที่มีส่วนผสมของแป้ง น้ำ กากมัน และสิ่งเจือปนต่าง ๆ ระหว่างกระบวนโม่จะมีการจ่ายน้ำจากกระบวนการเพื่อช่วยในการทำงานของเครื่องให้สะดวกยิ่งขึ้น
หน่วยการสกัด หลังจากนั้นมันสำปะหลังที่บดจนเป็นชิ้นละอียดจากเครื่องเครื่องขูดหรือบดซึ่งจะมีส่วนประกอบของน้ำแป้ง กาก และเส้นใยจะถูกเติมน้ำก่อนจะนำเข้าสู่เครื่องสกัดแป้ง (Extractor) หน้าที่ของหน่วยสกัดคือ การแยกแป้งออกจากเซลลูโลส เครื่องสกัดแป้งจะประกอบไปด้วยตะแกรงและผ้ากรองเป็นส่วนประกอบ หลักการทำงานของเครื่องจะใช้หลักการของแรงหมุนเหวี่ยง(Centrifugal Force) โรงงานส่วนใหญ่จะใช้ชุดสกัด 3 ชุด แต่โรงงานขนาดใหญ่ อาจใช้ชุดสกัดถึง 4 ชุดต่อเนื่องกันเพื่อสกัดแป้งออกจากเซลลูโลสให้ได้มากที่สุด เครื่องสกัดแป้งแบ่งตามหน้าที่ตามกรองออกเป็น 2 ชุด คือ ชุดสกัดหยาบ (Coarse Extractor) และชุดสกัดละเอียด (Fine Extractor) น้ำแป้งจะผ่านเข้าชุดสกัดหยาบก่อน เพื่อแยกกากหยาบออกแล้วจึงเข้าสู่ชุดสกัดละเอียดเพื่อแยกกากอ่อน กากหยาบและกากอ่อนที่ได้จะถูกเหวี่ยงออกทางด้านบนของตะกร้ากรองแล้วเข้าสู่เครื่องสกัดชุดสกัดกาก (Pulp Extractor : เป็นเครื่องสกัดหยาบ ทำหน้าที่สกัดแป้งที่หลุดออกไปกับกาก) และเครื่องอัดกากต่อไป โดยที่เครื่องสกัดหยาบมีตะกร้ากรองเป็นสแเตนเลส (Stainless Screen) ขนาดรูกรอง 35-40 mesh มีการใช้น้ำหมุนเวียนหรือน้ำดีเพื่อช่วยในการสกัดแป้งออกจากกากหยาบ ส่วนเครื่องสกัดละเอียดตะกร้ากรองเป็นสแตนเลสมีรูกรองขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.5 ซม. และใช้ผ้ากรองไนลอนทรงกรวยเหมือนตะกร้ากรองวางด้านบนแล้วยึดด้วยสายรัดโลหะ ผ้ากรองที่ใช้มีขนาดรูกรองสองแบบคือ 100-120 mesh และ 140-200 mesh มีการใช้น้ำกำมะถันและน้ำดีช่วยในการสกัดแป้งจากกากอ่อน น้ำกำมะถันช่วยกำจัดการเกิดเมือกที่จะไปอุดตันแผ่นกรอง ป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสียแป้งจากจุลินทรีย์และช่วยฟอกสีแป้งให้ขาว กากมันสำปะหลังจะถูกแยกออกจากน้ำแป้งเพื่อนำเข้าสู่เครื่องอัดกากและนำไปตากแดดเพื่อนำไปผสมเป็นอาหารสัตว์หรือนำไปผสมกับมันเส้นเพื่อทำมันอัดเม็ด บริษัทในประเทศไทยมีหลายแห่งส่วนใหญ่อยู่ทางภาคอิสาน หนึ่งในผู้ผลิต

.๒ กุ้ง
กุ้ง จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ชั้น Crustacea อันดับ Decapoda มีด้วยกันหลายวงศ์ กุ้งเป็นสัตว์น้ำ หายใจด้วยเหงือก ลำตัวยาว แบนหรือกลม แบ่งเป็นปล้องๆ เปลือกที่หุ้มท่อนหัวและอกคลุมมาถึงอกปล้องที่ 8 ส่วนใหญ่กรีมีลักษณะแบนข้าง ก้ามและขาอยู่ที่ส่วนหัวและอก มี 10 ขา มีทั้งในน้ำจืดและน้ำเค็ม โดยปกติชอบหลบซ่อนตัวอยูเงียบ ๆ ตามพื้นน้ำหรือในวอกมือด ๆ จะออกหากินในเวลากลางคืน กุ้งกินทั้งพืชและสัตว์เป็นอาหาร เช่น กิน กุ้งด้วยกันเอง ลูกปลา ไส้เดือน สัตว์หน้าดินขนาดเล็กชนิดต่าง ๆ ข้าว เนื้อมะพร้าวตลอดจนซากสัตว์ สามารถแบ่งออกได้หลายชนิด เช่น กุ้งกุลาดำ กุ้งก้ามกราม กุ้งนาง กุ้งหลวง กุ้งก้ามเกลี้ยง กุ้งตะกาด กุ้งตะเข็บ กุ้งฝอย กุ้งหัวแข็ง กุ้งหัวโขน กุ้งขาว กุ้งรู กุ้งหิน กุ้งดีดขัน กุ้งแชบ๊วย กุ้งเครย์ฟิช
ส่วนประกอบของเปลือกกุ้งส่วนใหญ่เป็นไคติน รองลงมาก็เป็นจำพวกแร่ธาตุ โปรตีน ส่วนของไขมัน เป็นต้น

..๑ ลักษณะทางกายภาพและชีวภาคของกุ้ง 
         กุ้งเป็นสัตว์น้ำที่ไม่มีกระดูกสันหลัง ลำตัวแบนข้างแนวสันหลังโค้งงอ และมีเปลือกซึ่งเป็นสารประกอบจำพวกไคติน (chitin) ห่อหุ้มตัว สารประเภทนี้ กรอบและเปราะเปลือกหุ้มแยกเป็นสองตอน คือ ตอนหน้าหุ้มหัวและอก ซึ่งรวมเป็นส่วนเดียวกันโดยทั่วไปนิยมเรียกกันว่า "หัว" ลำตัวเป็นข้อปล้องอยู่ถัดไปจากหัว ร่างกายของกุ้งแบ่งเป็นปล้อง ๆ มีทั้งหมด ๑๙ ปล้อง แบ่งออกเป็นส่วนหัว ๕ ปล้อง ส่วนอก ๘ ปล้อง และส่วนท้อง ๖ปล้อง แต่ละปล้องมีรยางค์ ๑ คู่ นัยน์ตาของกุ้งเป็นตารวม นัยน์ตาแต่ละข้างประกอบด้วยแก้วตาประมาณ ๒๕๐๐ ชิ้น ก้านตาโยกคลอนได้ มีหนวด 2 คู่ หนวดคู่แรกแต่ละเส้นที่ปลายแยกออกเป็นหนวดเส้นเล็ก ๆ ข้างละหนึ่งคู่ คู่ที่สองค่อนข้างยาว หนวดทั้งสองคู่ทำหน้าที่รับความรู้สึก มีรยางค์ทำหน้าที่เกี่ยวกับการกินอาหารอยู่บริเวณหัว ๖ คู่ ส่วนของรยางค์ที่อยู่ที่ปากกุ้ง เราจะพบเสมอเวลารับประทานกุ้ง คือ กรามของกุ้ง หรือที่เรียกกันว่า "สำเภากุ้ง" มีรูปร่างคล้ายเรือเป็นแผ่นแข็งสีขาวมีหน้าที่บดเคี้ยวอาหาร กุ้งมีขา ๕ คู่ ทำหน้าที่เป็นก้ามหนีบและขาเดินอยู่บริเวณส่วนอก ใต้ท้องมีรยางค์ว่ายน้ำอยู่ ๕ คู่ รยางค์เหล่านี้นอกจากจะทำหน้าที่ในการว่ายน้ำแล้ว กุ้งตัวเมียยังใช้ทำหน้าที่ยึดเกาะไข่ซึ่งได้รับการผสมน้ำเชื้อตัวผู้ และเป็นที่ฟักไข่อีกด้วย ปล้องสุดท้ายเป็นส่วนของหางทำหน้าที่คล้ายหางเสือเรือ ประกอบด้วยแผ่นแบนอยู่ ๒ ข้าง ปลายหางมีปลายแหลมและแข็ง เมื่อกุ้งว่ายน้ำไปข้างหน้าโดยใช้รยางค์ท้องและสามารถถอยหลังอย่างรวดเร็วโดยการงอตัวทางส่วนท้าย และโดยวิธีนี้จึงสามารถกระโดดเหนือน้ำได้เมื่อตกใจ บางชนิดใช้แพนหางขุดทรายซ่อนตัว อวัยวะภายในของกุ้งส่วนใหญ่อยู่ในบริเวณหัว ซึ่งประกอบด้วยหัวใจ อวัยวะย่อยอาหาร ระบบประสาท และอวัยวะสืบพันธุ์ หากเป็นกุ้งเพศผู้จะมีถุงอัณฑะอยู่คู่หนึ่งส่วนเพศเมียจะมีรังไข่ ๑ คู่ ในฤดูผสมพันธุ์ รังไข่ทั้งคู่ของเพศเมียจะขยายใหญ่จนถุงทั้งสองเบียดกันสนิท ดูคล้ายเป็นก้อนเดียวกันภายในถุงนั้นจะมีไข่เป็นเม็ดเล็กบรรจุอยู่เต็ม ที่เราเรียกกันว่า "แก้วกุ้ง" อวัยวะย่อยอาหารของกุ้งซึ่งประกอบด้วยกระเพาะอาหารมีลักษณะเป็นถุง ถ้ามีอาหารอยู่ในกระเพาะจะเห็นเป็นสีดำ กระเพาะอาหารอยู่บริเวณอกถัดจากกระเพาะจะเป็นส่วนของลำไส้ทอดไปตามแนวสันหลัง และไปเปิดตางปลายสุดของรยางค์หางอันกลาง นอกจากกระเพาะอาหารแล้ว ก็ยังมีอวัยวะซึ่งทำหน้าที่ช่วยในการย่อยอาหาร อันได้แก่ ตับ และตับอ่อน หรือที่เราเรียกกันว่า "มันกุ้ง" มีลักษณะเป็นถุงอ่อนนุ่มสีเหลืองสด กุ้งหายใจด้วยเหงือก เหงือกอยู่ด้านข้างของกระดองหัวและเกาะติดรยางค์หัวตัวเหงือกเป็นเยื่อบาง ๆ ซ้อนกันหลาย ๆ ชั้น หล่อเลี้ยงด้วยเลือดซึ่งไม่มีสี เลือดกุ้งมีสารพวกฮีโมไซยานิน (haemocyanin) เป็นสารประกอบของทองแดง แต่เมื่อทิ้งเลือดของกุ้งไว้ให้ถูกอากาศภายนอกสักครู่ จะกลายเป็นสีฟ้า ลูกกุ้งวัยอ่อนบางชนิดหายใจได้ทางผิวหนัง กุ้งมีเพศแยกเป็นตัวผู้และตัวเมีย เมื่อตัวเมียลอกคราบและเจริญเต็มวัยแล้ว และหลังลอกคราบใหม่ ๆ ตัวผู้จะเข้าผสมพันธุ์โดยฝากน้ำเชื้อไว้กับตัวเมีย เมื่อไข่เจริญเต็มที่แล้วจะไหลผ่านออกจากรังไข่มาผสมกับน้ำเชื้อตัวผู้ที่ผากไว้ กุ้งน้ำจืดจะปล่อยไข่ออกมาเก็บไว้ที่หน้าท้องเป็นจำนวนมาก แต่กุ้งน้ำเค็มจะปล่อยไข่สู่ทะเล กุ้งจะวางไข่มากที่สุดช่วงปลายฤดูหนาวถึงต้นฤดูร้อน กุ้งในประเทศไทยสามารถวางไข่ได้ทุกฤดูกาลเพราะอุณหภูมิและสภาพแวดล้อมเหมาะสมตลอดปี กุ้งเจริญเติบโตด้วยการลอกคราบ กุ้งในวัยอ่อนจะมีลักษณะตัวกลมแบน มีรยางค์ ๓ คู่ ต่อมาจึงเจริญวัยได้ด้วยการลอกคราบ การลอกคราบขึ้นอยู่กับการได้รับอาหารอย่างสมบูรณ์ และได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เช่นได้รับน้ำใหม่ หรือน้ำฝนมากระตุ้นในระยะที่กุ้งเริ่มลอกคราบใหม่ ๆ เปลือกภายนอกที่หุ้มตัวจะมีลักษณะนิ่ม แต่จะแข็งเหมือนเปลือกเดิมที่ได้ลอกทิ้งไป ภายในระยะเวลา ๒-๓ ชั่วโมง การลอกคราบในวัยอ่อนลูกกุ้งจะลอกคราบได้วันละสองถึงสามครั้ง เมื่อเจริญเติบโตมากขึ้นการลอกคราบจะใช้เวลาประมาณ ๑๕-๒๐ วัน ต่อครั้ง ลักษณะพิเศษของกุ้งนอกจากจะลอกคราบตัวเองและสร้างเปลือกใหม่ขึ้นมาแทนที่ได้แล้ว

.๓ ข้าวเกรียบกุ้ง
.๓.๑ ส่วนผสมของข้าวเกรียบกุ้ง
เนื้อกุ้งสด (ปอกเปลือกแล้ว)   ๑  ถ้วยตวง (๒ ขีด)
กระเทียมโขลกละเอียด           ช้อนโต๊ะ
พริกไทยปน                          ช้อนชา
เกลือปน                                ช้อนชา
แป้งมัน                              ๓/๔  ถ้วยตวง
.๓.๒ วิธีการทำข้าวเกรียบกุ้ง
. โขลกกุ้งให้ละเอียด ใส่กระเทียม พริกไทย เกลือ โขลกให้เข้ากัน
. ผสมกุ้งกับแป้งมันให้เข้ากัน นวดให้นิ่ม ถ้าแช็งไปพรมน้ำเล็กน้อย ปั้นส่วยเป็นรูปกลมยาว (ถ้าใส่น้ำมันมากตอนนวดเวลานึ่งสุกจะแบนไม่กลม)
. ปูผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาดในลังถึง วางส่วนผสมที่ปั้นไว้ตรงกลางนึ่น้ำเดือด ไฟแรง ๓๐ นาที หรือจนสุก (ลักษณะแป้งใส)
. ผึ่งส่วนผสมบนตะแกรงมีขาให้ถูกลมหลายๆ ชั่วโมง จนสามารถหั่นได้ง่าย (ถ้าแห้งไป หั่นยาก และหั่นได้หนา)
. หั่นด้วยมีดคมเป็นแว่นบางๆ ตากแดดจนแห้งสนิท ประมาณ ๒-๓วัน
. นำไปทอด รับประทาน



บทที่ ๓
วิธีการดำเนินงาน


วัน/เดือน/ปี

กิจกรรมที่ปฏิบัติ

๒๐พฤศจิกายน ๒๕๕๖ - ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
- เลือกหัวข้อเรื่องที่จะนำมาทำเป็นรายงาน
- ศึกษาหัวข้อย่อยของเรื่องที่จะนำมาเขียนเป็นรายงาน
- ศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ของข้อหัวเรื่องที่จะทำ
๔ ธันวาคม ๒๕๕๖ – ๑๑  ธันวาคม๒๕๕๖
ทำแผนผังความคิด
- ส่งแผนผังความคิด

๑๘  ธันวาคม ๒๕๕๖
- ศึกษาส่วนประกอบของรายงาน ยึดจากโครงร่างที่ครูประจำวิชาแนะแนวให้ และนำมาปฏิบัติตาม
- เขียนโครงร่างบทที่ ๑ บทนำ ( หลักการและเหตุผล
วัตถุประสงค์ สมมุติฐาน ขอบเขตการดำเนินงาน ประโยชน์ที่ได้รับ )

๑๙  ธันวาคม ๒๕๕๖ –  ๒๕  ธันวาคม ๒๕๕๖
ส่งบทที่ ๑ ( หลักการและเหตุผล
วัตถุประสงค์ สมมุติฐาน ขอบเขตการดำเนินงาน ประโยชน์ที่ได้รับ )
ศึกษาหาความรู้จากแหล่งข้อมูล
ครูประจำวิชาแนะแนวในเรื่องของการทำที่มาและแหล่งอ้างอิงของรายงาน
เขียนโครงร่างบทที่ ๒  เอกสารที่เกี่ยวข้อง
๒๗  ธันวาคม ๒๕๕๖
-ส่งบทที่ ๒  เอกสารที่เกี่ยวข้อง
  มกราคม ๒๕๕๗ – ๕ มกราคม ๒๕๕๗
-ลงพื้นที่สอบถามการทำ กล้วยฉาบ กับผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับหัวข้อที่จะทำ
  มกราคม ๒๕๕๗ – ๗ มกราคม ๒๕๕๗
เขียนโครงร่างบทที่ ๓ วิธีการดำเนินงาน
๘ มกราคม ๒๕๕๗
ส่งบทที่ ๓ วิธีการดำเนินงาน
๙ มกราคม ๒๕๕๗ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๗
-เขียนโครงร่างบทที่ ๔ ผลการดำเนินงาน
๑๕ มกราคม ๒๕๕๗
-ส่งบทที่ ๔ ผลการดำเนินงาน
๑๖ มกราคม ๒๕๕๗ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๗
-เขียนโครงร่างบทที่ ๕ สรุปและอภิปราย
๒๒ มกราคม ๒๕๕๗
-ส่งบทที่ ๕ สรุปและอภิปราย
๒๓ มกราคม ๒๕๕๗ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๗
-เรียบเรียงเนื้อหาของรายงานให้ถูกต้อง
-ทำรายงานเป็นรูปเล่มเพื่อส่งให้ครูประจำวิชา
๓๐ มกราคม ๒๕๕๗ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
-รวบรวมภาพที่ได้ถ่ายทำการทำ ข้าวเกรียบกุ้ง
-นำภาพและเนื้อหาที่เสร็จสมบูรณ์ลงในสื่อ (Blog)
๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
-ส่งรายงานฉบับเสร็จสมบูรณ์
-นำเสนอรายงานผ่านทางสื่อ (Blog)




 บทที่ ๔
ผลการดำเนินงาน
.๑ ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา
.๑.๑ ได้จัดทำ Web blog  โดยใช้ชื่อว่า เกรียบกุ้ง
( ที่อยู่ Web blog  :  Crispshrimp.blogspot.com
.๑.๒ เพื่อให้สมาชิกกลุ่มแม่บ้านใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
.๑.๓ เพื่อสามารถสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัวและหมู่บ้านได้
.๑.๔ เพื่อส่งเสริมปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พอกิน พอใช้ มีเหตุมีผล มีความคุ้มค่า
.๑.๕ เพื่อนำไปเผยแผ่เป็นอาชีพให้คนในชุมชน 

.๒ อุปสรรคในการดำเนินงาน
.๒.๑ เวลาในการทำงานไม่สะดวกเพราะสมาชิกบ้านอยู่ต่างอำเภอ
.๒.๒ การเดินทางมาทำงานไม่ค่อยสะดวก เพราะสถานที่ทำอยู่ไกลจากบ้านของสมาชิกในกลุ่ม
.๒.๓ ไม่มีเวลาว่างที่จะไปทำโครงงานเพราะสถานที่ที่ไปทำหยุดทำการ เสาร์ – อาทิตย์


.๓ ความคิดเห็นของผู้ปกครองต่อการทำข้าวเกรียบกุ้ง
เพื่อช่วยให้นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับสินค้า OTOP มากขึ้นและนักเรียนสามารถนำความรู้ที่ได้นั้นไปเผยแพร่ให้คนในชุมชนได้นำการทำข้าวเกรียบกุ้งไปประกอบอาชีพที่สุจริต

. ๔ ประโยชน์ที่ได้รับจากการทำข้าวเกรียบกุ้ง
. ๔.๑ เพื่อให้สมาชิกกลุ่มแม่บ้านใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
. ๔.๒ เพื่อสามารถสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัวและหมู่บ้านได้
. ๔.๓ เพื่อส่งเสริมปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พอกิน พอใช้ มีเหตุมีผล มีความคุ้มค่า
. ๔.๔ เพื่อนำไปเผยแผ่เป็นอาชีพให้คนในชุมชน 



บทที่ 5
สรุป อภิปราย และข้อเสนอแนะ

1.สรุป และอภิปรายผล
การรับประทานอาหารเป็นสิ่งสำคัญ  ซึ่งปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดว่าการรับประทานอาหารนั้นส่งผลอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพราะร่างกายของคนเราต้องการอาหารที่มีประโยชน์ให้กับร่างกายให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบ 5 หมู่ และอีกปัจจัยหนึ่งคือสุขภาพ ที่ต้องการ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรงบวกกับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ร่างกายก็จะแข็งแรงมากขึ้น
การรับประทานอาหารมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์นี้ จะทำให้คนในชุมชนสามารถนำไปประกอบเป็นอาชีพเสริมหรืออาชีพหลัก แต่การนำเสนอเรื่องราวประเภทนี้ อาจมีคนที่สนใจหรืชุมชนที่สนใจ นำไปประกอบอาชีพ
จากกการที่คณะผู้จัดทำได้มีการนำเสนอการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยผ่านกระบวนการ Stop motion พร้อมทั้งเผยแพร่สื่อออนไลน์ (face book) โดยใช้ชื่อว่า ข้าวเกรียบกุ้งจนได้รับความสนใจจากกลุ่มเยาวชน และกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบ   Social network

2. ข้อเสนอแนะ
การทำโครงงานเรื่อง ข้าวเกรียบกุ้ง จะทำให้ผู้อ่านได้ทราบถึงประโยชน์ของการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ความคิดเห็นของเยาวชนต่อการรับประทานอาหาร รวมถึงการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ แต่ข้อมูลที่เป็นเนื้อหาของรายงานนั้นมีมาก หากผู้อ่านสนใจสามารถค้นคว้าเพิ่มเติมได้จากแหล่งข้อมูลในอินเตอร์เน็ต




2 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณมากๆเลยน่ะครับที่นำความรู้มาเผยแพร่ ความรุ้บทนี้สามารถช่วยเหลือคนหลายๆคนให้มีเงินได้น่ะเช่น นักกเรียน นักศึกษา คนตกงาน คนไม่มีเงิน คนจน สำหรับเด็กที่ทำตาม ก็จะได้ประสบการณ์ในการทำข้าวเกรียบด้วย ถ้าลองขายผมว่าต้องสุดยอดมากแน่ๆ
    เดียวผมจะลองทำ และ ลองขายดูน่ะครับ ยังไงก็ ขอขอบคุณ คุณ พฤษชา ถาวโรฤทธิ์
    21/3/2558 15:44:02
    อายุ 14

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. รักวรพงศ์ ภูเก็ต <------นี้ Facebook ผมครับ

      ลบ